กระบี่ จัด ค่าย รู้...รัก (Sense and Love) โครงการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ถูกคุมความประพฤติ ประจำปี 2568


จังหวัดกระบี่ จัด ค่าย รู้...รัก (Sense and  Love) โครงการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ถูกคุมความประพฤติ ประจำปี 2568 แก้ไขปัญหายาเสพติดและพัฒนาผู้ถูกคุมความประพฤติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

วันนี้ ( 13 มกราคม พ.ศ. 2568 ) เวลา 10.00 น. นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้ นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ถูกคุมความประพฤติ ระยะเวลา 15 วัน ใช้ชื่อว่า ค่าย รู้...รัก (Sense and Love) ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีพระครูศรีรัตนาภิราม เจ้าอาวาส วัดควนสบาย นางประภาพรรณ  ชูเก็น ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดกระบี่ อาสาสมัครคุมประพฤติ ผู้นำชุมชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เข้าร่วมโครงการ ณ วัดควนสบาย ตำบลกระบี่ใหญ่  อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 


นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง กล่าวว่า นับเป็นสิ่งที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกท่าน ทุกฝ่าย ได้ตระหนักในปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายที่เร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและให้ความสำคัญกับการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด โดยเน้นการพัฒนาระบบความคิด การเห็นคุณค่าในตนเอง พัฒนาทัศนคติเชิงบวก พัฒนาทักษะการควบคุมและจัดการกับอารมณ์  รวมถึงพัฒนาด้านจิตวิญญาณ ตลอดจนนิติทางสังคมและเสริมสร้างทักษะอาชีพ  สามารถรับผิดชอบตนเองและใช้ชีวิตกับครอบครัวและสังคมต่อไปได้อย่างปกติ  ไม่หวนกลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และพ้นการคุมความประพฤติไปด้วยดี


ซึ่งตามที่กรมคุมประพฤติ ได้มีการกำหนดให้สำนักงานคุมประพฤติจัดโครงการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ถูกคุมความประพฤติ ระยะเวลา 15 วัน  "ค่าย รู้...รัก (Sense and Love ) ประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด และดูแล ฟื้นฟู ช่วยเหลือ รวมทั้งสนับสนุนด้านอาชีพ เพื่อให้ผู้ถูกคุมความประพฤติ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดความมั่นคงในชีวิต สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ และไม่หวนกลับไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดอีก โดยมีผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วยผู้ถูกคุมความประพฤติจาก 3 สำนักงาน ได้แก่ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดกระบี่ จำนวน 15 คน สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดภูเก็ต จำนวน 18 คน และสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดพังงา จำนวน 17 คน ซึ่งตลอดระยะเวลาโครงการจะมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การฝึกทักษะอาชีพ การรับฟังความรู้จากวิทยากร เป็นต้น ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ผู้เสพสารเสพติด เป็นเพียงผู้หลงผิด กระทำผิดพลาดเพียงชั่วครู่ มิได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด ซึ่งหากสามารถพัฒนากลุ่มคนเหล่านี้ ให้สามารถเลิกและหลุดพ้นจากวงจรยาเสพติดได้ ก็จะสามารถคืนคนดีกลับสู่สังคมได้เป็นจำนวนมาก สามารถพัฒนาความรู้ความสามารถให้แก่เหล่าผู้เสพ ให้สามารถดูแลตนและครอบครัวได้เป็นอย่างดี เป็นกำลังให้แก่ครอบครัวและชุมชน และสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุขต่อไป


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น