ในฐานะคนที่ทำงานรณรงค์ไม่สูบบุหรี่มากว่า 40 ปี อยากเปิดใจในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ในสิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่า
ทำอย่างไรสังคมไทยจึงจะร่วมกันรับมือกับการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน ได้ดีขึ้น สมกับความรุนแรงของอันตรายที่มีต่อเยาวชนของเรา ทั้งระยะสั้นและการเสพติดระยะยาว
บุหรี่ทุกชนิด ไม่มีประโยชน์ใดๆต่อคนสูบ เศรษฐกิจและสังคม
การรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ที่ทุกฝ่ายร่วมกันทำมาหลายสิบปี ที่ทำให้อัตราการสูบบุหรี่ลดจาก 32% ในปี พ.ศ. 2534 เหลือ 17.4% ในปี 2564 จำนวนคนสูบบุหรี่ลดลงจาก 12.3 ล้าน เหลือ 10 ล้านคน
ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน เราได้ลดจำนวนคนสูบบุหรี่ลง 8.34 ล้านคน จากที่ควรจะมี หากไม่ได้มีการรณรงค์ควบคุมอย่างที่เราช่วยกันทำมา
แต่การสำรวจที่สำนักงานสถิติแห่งชาติกำลังทำอยู่ ผมทราบข้อมูลเป็นการภายในว่า อัตราการสูบบุหรี่มีท่าทีว่าจะกลับเพิ่มสูงขึ้นจากการสำรวจครั้งสุดท้าย ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่อัตราการสูบบุหรี่กลับเพิ่มขึ้น
นั่นหมายความว่าผลงานที่ทุกฝ่ายช่วยกันลดจำนวนคนสูบบุหรี่ลงด้วยความยากลำบาก จะสูญหายไปจากการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ที่เพิ่มจำนวนคนที่เสพติดนิโคตินรุ่นใหม่ ที่จะเลิกสูบยากยิ่งกว่าบุหรี่มวน
และที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ หญิงไทยที่สูบบุหรี่มวน ที่เหลือน้อยเพียง 1 % ขณะที่เด็กและวัยรุ่นหญิง สูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงเท่าๆกับวัยรุ่นชายแล้ว ที่สูงถึง 20-25% ในหลายการสำรวจ
ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ผมจึงอยากขอให้ทุกฝ่ายที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องเด็กๆจากบุหรี่ไฟฟ้า ช่วยกันคิดว่า
ปีใหม่ เราจะทำอะไรให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา
ขอส่งท้ายปีเก่าและสวัสดีปีใหม่ถึงทุกๆท่านนะครับ
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ
ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
31 ธันวาคม 2567
0 ความคิดเห็น